ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คืออะไร? และผู้ประกอบการ SME ต้องยื่นอย่างไร

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจหรือเพิ่งเปิดบริษัท สิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้คือเรื่องของ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพราะหากจัดการไม่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก ภาษี VAT ตั้งแต่ความหมาย ข้อกำหนด ไปจนถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ก้าวแรก


ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คืออะไร?

ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (Value Added Tax) คือภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าหรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ โดยอัตราภาษีที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันคือ ร้อยละ 7

หน้าที่ของผู้ประกอบการ:

  • ภาษีขาย: เรียกเก็บภาษี VAT 7% จากผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ เพื่อนำส่งให้กับกรมสรรพากร
  • ภาษีซื้อ: สามารถนำภาษี VAT ที่ถูกเรียกเก็บมาจากการซื้อสินค้าหรือบริการ มาใช้เป็น เครดิตภาษี ได้

เกณฑ์การจดทะเบียน VAT ที่ SME ต้องรู้

ไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกรายที่ต้องจดทะเบียน VAT แต่มีเกณฑ์ที่กำหนดไว้ดังนี้:

ผู้ประกอบการที่มีสิทธิ์และหน้าที่จดทะเบียน VAT คือผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือบริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

ข้อควรพิจารณา:

  • หากรายรับคุณยังไม่ถึงเกณฑ์นี้ คุณสามารถเลือกที่จะ ไม่จดทะเบียน VAT ได้
  • หากธุรกิจมีการเติบโตและมีแนวโน้มที่รายรับจะเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีในอนาคตอันใกล้ ควรวางแผนจดทะเบียน VAT ล่วงหน้า ก่อนถึงเส้นตาย 30 วัน

หน้าที่หลักของผู้ประกอบการที่จดทะเบียน VAT

เมื่อจดทะเบียน VAT แล้ว คุณจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างเคร่งครัด:

  • ออกใบกำกับภาษี: ทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือบริการ จะต้องออก ใบกำกับภาษี ให้กับผู้ซื้อตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร
  • จัดทำรายงานภาษี: ต้องจัดทำ รายงานภาษีซื้อ และ รายงานภาษีขาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
  • ยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.พ. 30): ต้องยื่นแบบฟอร์ม ภ.พ. 30 พร้อมชำระภาษี (ถ้ามี) เป็นรายเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

เอกสารเบื้องต้นที่ใช้ในการจดทะเบียน VAT

เอกสารหลักที่คุณต้องเตรียมเมื่อยื่นจดทะเบียน (ผ่านกรมสรรพากรพื้นที่):

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ
  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
  • สัญญาเช่าสถานประกอบการ (ถ้ามี) หรือหลักฐานการเป็นเจ้าของสถานที่
  • แผนที่และรูปถ่ายสถานประกอบการ (เพื่อยืนยันที่ตั้ง)

คำแนะนำ: เอกสารและขั้นตอนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี ควรตรวจสอบกับ กรมสรรพากร อีกครั้งเพื่อความถูกต้องและครบถ้วน


บทสรุป: ความถูกต้องสร้างความน่าเชื่อถือ

การทำความเข้าใจเรื่อง ภาษี VAT ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการเติบโตของธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องจะช่วย สร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับธุรกิจของคุณ และป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิดในอนาคต

Visitors: 2,123,716