ก่อนตัดสินใจเริ่มธุรกิจ ควรศึกษารูปแบบการจดทะเบียนนิติบุคคลแต่ละประเภท ทั้งการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด พิจารณาความน่าเชื่อถือและโอกาสทางธุรกิจ สอบถามค่าใช้จ่ายทางด้านภาษี ความรับผิดตามกฎหมายของนิติบุคคลแต่ละประเภท รวมถึงการทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 

การเตรียมตัวก่อนเริ่มธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

จดทะเบียนบริษัท คืออะไร?

การจดทะเบียนบริษัทเป็นรูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลที่ต้องมีผู้ก่อตั้งอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป การดำเนินงานทุกอย่างจะต้องได้รับการอนุมัติจากการประชุมของผู้ถือหุ้น การจดทะเบียนบริษัทช่วยให้ธุรกิจมีตัวตนทางกฎหมายที่ชัดเจน

ภาระหนี้สินของบริษัทจะแยกออกจากชื่อของเจ้าของกิจการ และเสียภาษีจากกำไรของผลประกอบการตามความเป็นจริงในอัตรา 15 - 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งอาจเสียภาษีน้อยกว่ารูปแบบบุคคลธรรมดา หรือร้านค้าทะเบียนพาณิชย์

จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด คืออะไร?

การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นการเปิดกิจการโดยมีหุ้นส่วนจัดตั้งอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีการกำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ และในการจัดตั้งจะแบ่งหุ้นส่วนออกเป็น 2 ประเภท คือ “หุ้นส่วนแบบจำกัด” และ “หุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิด

• หุ้นส่วนแบบจำกัด: มีสิทธิ์สอบถามการดำเนินธุรกิจ ออกความเห็น และเป็นที่ปรึกษาของกิจการได้ หุ้นส่วนประเภทนี้รับผิดชอบหนี้สินของกิจการแบบจำกัดไม่เกินจำนวนเงินลงทุนของตนเอง

• หุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิด: หรือ หุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นหุ้นส่วนที่สามารถดำเนินงานตัดสินใจทุกอย่างได้เต็มที่มีสิทธิ์สูงสุด และในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดกฎหมายกำหนดให้มีหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดอย่างน้อย 1 คน

บริษัท กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด แตกต่างกันอย่างไร?

1. ความน่าเชื่อ: บริษัทมักมีความน่าเชื่อถือมากกว่าและเป็นที่นิยมในวงการธุรกิจ ในขณะที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบางครั้งถูกมองว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจครอบครัว

2. ความยืดหยุ่น: บริษัทสามารถแต่งตั้งบุคคลภายนอกมาเป็นกรรมการบริษัทเพื่อบริหารงานของกิจการแทนผู้ถือหุ้นได้ ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัดจะต้องเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นที่จะบริหารงานของกิจการได้

3. ความรับผิดชอบ: ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะรับผิดชอบในหนี้สินเพียงแค่เงินที่ลงทุนเท่านั้น แต่ในกรณีของห้างหุ้นส่วนจำกัดผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดชอบในหนี้สินของกิจการแบบไม่จำกัดความรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งอาจต้องชำระหนี้แทนกิจการด้วยทรัพย์สินส่วนตัวได้